คงปฏิเสธไม่ได้นะครับว่ากระแสของเทคโนโลยีภาพ
3 มิติ
กำลังมาแรงในปัจจุบัน ภาพยนตร์ 3 มิติ ต่างแข่งขันกันลงโรงไม่ขาดสายตลอดทั้งปี ทั้งๆที่บัตรเข้าชมโรงภาพยนตร์ 3 มิติ
นั้นมีราคาแพงกว่าภาพยนตร์ธรรมดาอยู่ไม่น้อย แต่เราก็มักจะยอมควักกระเป๋าจ่าย ภาพยนตร์ 3 มิตินั้น มีหลักการอย่างไร
ภาพยนตร์ 3 มิติ เกิดจากการใช้เครื่องถ่ายภาพยนตร์ 2 เครื่อง ซ้ายและขวาถ่ายภาพเดียวกันในเวลาเดียวกัน
ในการฉายก็ใช้เครื่องฉายภาพยนตร์ 2 เครื่อง ฉายภาพ 2 ภาพลงไปบนจอภาพยนตร์
พร้อมๆกัน เทคโนโลยีการแสดงภาพ 3 มิติ นั้นมีมานานแล้วนะครับ โดยในยุคแรกนั้น
วิธีดูภาพยนตร์
3 มิติ
โดยใช้แว่นสีแดง-น้ำเงิน ส่วนในปัจจุบันนั้นการดูภาพยนตร์ 3 มิติ ต้องสวมแว่นโพลารอยด์
1. การดูภาพยนตร์ 3 มิติ
โดยใช้แว่นสีแดง-น้ำเงิน
การดูภาพยนต์ 3 มิติ
ด้วยวิธีนี้นั้นใช้เครื่องฉายภาพยนตร์ 2 เครื่อง เครื่องแรกฉายผ่านกระจกกรองแสงสีแดงฉายภาพที่มีสีแดง เครื่องที่สอง
ฉายผ่านกระจกกรองแสงสีน้ำเงินฉายภาพที่มีสีน้ำเงิน ฉายพร้อมกันไปที่จอภาพยนตร์
โดยให้ผู้ชมสวมแว่นที่ข้างหนึ่งเป็นสีน้ำเงินและข้างหนึ่งเป็นสีแดง เมื่อผู้ชมสวมแว่นสีแดงและสีน้ำเงินมองภาพสีแดงและสีน้ำเงิน
ตาข้างหนึ่งก็จะมองเห็นแต่ภาพของสีน้ำเงินในขณะที่ตาอีกข้างหนึ่งก็จะเห็นแต่ภาพสีแดง
สมองจะรวมภาพจากตาทั้ง 2 ข้าง
และสร้างภาพในการรับรู้ของเราเป็นภาพ 3 มิติ
2. การดูภาพยนตร์ 3 มิติ โดยใช้แว่นโพลารอยด์
ภายยนตร์ 3 มิติ อีกระบบหนึ่งที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ผู้ชมต้องสวมแว่นโพลารอยด์ ซึ่งภาพยนตร์ 3 มิติแบบนี้นั้น นำปรากฎการณ์ทางฟิสิกส์ของแสงมาประยุกต์ใช้
ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวคือ
โพลาไรเซชันของแสง (polarization
of light)แสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ซึ่งมีสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลงทิศกลับไปกลับมา
โดยสนามทั้งสองอยู่ในระนาบที่ตั้งฉากกันและยังตั้งฉากกับทิศในการเคลื่อนที่ของแสง
แสงจากแหล่งกำเนิดแสงโดยทั่วไป
เช่น ดวงอาทิตย์ หลอดไฟ
จะปล่อยคลื่นแสงซึ่งไม่ได้มีทิศของสนามไฟฟ้าเพียงทิศเดียว(และสนามแม่เหล็ก)
แต่จะมีทิศของสนามไฟฟ้า ต่างกันมากมาย
เราจะเรียกแสงที่มีทิศการสั่นของสนามไฟฟ้าในแนวเดียวว่า "แสงโพลาไรซ์" และเรียกแสงที่มีทิศของสนามไฟฟ้าในหลายแนว
เช่น แสงจากหลอดไฟว่า "แสงไม่โพลาไรซ์"
สำหรับแว่นโพลารอยด์สำหรับชมภาพยนตร์ 3 มิตินั้น
ทิศทางของแกนโพลาไรซ์ของแสงของแสงที่ผ่านแว่นตาทั้งสองจะอยู่ในแนวตั้งฉากกัน
ดังนั้นแสงโพลาไรซ์ที่ผ่านแว่นข้างขวาได้จะไม่สามารถผ่านแว่นข้างซ้ายได้
และแสงโพลาไรซ์ที่ผ่านแว่นข้างซ้ายได้ก็จะไม่สามารถผ่านแว่นข้างขวาได้เช่นเดียวกัน
เมื่อใช้เครื่องฉายภาพยนตร์ 2 เครื่อง แต่ละเครื่องมีแผ่นโพลารอยด์กั้น ฉายภาพที่เป็นแสงโพลาไรซ์พร้อมกันทั้ง 2 เครื่อง
ไปยังจอภาพยนตร์ที่ทำจากโลหะ
(การสะท้อนแสงของโลหะจะไม่เปลี่ยนทิศทางของแสงโพลาไรซ์)
ทำให้ทิศทางการสั่นของแสงโพลาไรซ์ทั้ง 2 ชุด อยู่ในแนวตั้งฉากกัน ภาพที่เราเห็นปรากฎบนจอโดยไม่สวมแว่นโพลารอยด์ จึงเป็นภาพ 2 ภาพซ้อนเหลื่อมกัน
สมาชิก
1.นายปรีดา กลิ่นรุ่ง 2541031441115
2.นายอัลจัสมีน อาแว 2541031441129
3.นายพงศ์สรร อาแว 2541031441131
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น